วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เรือผีสิงในตำนาน


Flying Dutchman

       คงไม่มีเรือผีที่ไหนแล้วที่ยิ่งใหญ่ไปกว่า “เรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมน” ที่ออกหลอกหลอนคนในน่านน้ำทั่วโลกและได้เป็นแรงบันดาลใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด นิยายสยองขวัญ ภาพยนตร์ รวมทั้งเป็นชื่อเรือโจรสลัดภาพยนตร์ ไพเรทส์ ออฟ เดอะ แคริบเบียน และแม้กระทั้งโอเปร่าโดยเรือลำนี้ถูกกล่าวถึงครั้งแรกปลายปี 1700 ในหนังสือ “Voyage” และได้รับความนิยมในยุคนั้นและจากนั้นเป็นต้นมาตำนานนี้ก็แพร่หลายไปทั่วโลก

         โดยตำนานมีอยู่ว่ากัปตันชาวดัตช์คนหนึ่งชื่อ แวน แดร์ เดคเคน (Van Der Decken) ได้นำเรือไปพบสภาพอากาศที่เลวร้ายในแหลมกู๊ด โฮป ประเทศแอฟริกาใต้ เขาพยายามนำเรือผ่าพายุนี้แต่ไม่เป็นผลจนเรือใกล้อัปปาง?ซึ่งเขาโกรธมากเขาเลยสาบานแก่ฟ้าว่า?”ข้าจะวนเวียนอยู่บริเวณแหลมนี้ ตราบฟ้าดินสลาย”?และ แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาและเรือได้กลายเป็นปีศาจที่ต้องคำสาปให้เดินทางในมหาสมุทรชั่วกัลปาวสาน ไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้ ตราบโลกนี้สิ้นสลาย ฟลายอิ้ง ดัตช์แมนได้รับการบันทึกเป็นเอกสารมาตั้งแต่คริสต์สตวรรษที่ 17 และมีรายงานการพบเห็นเป็นครั้งคราวมาจนถึงคริสตค์สตวรรษที่ 20 เรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมนมักปรากฏตัวในคืนที่มีหมอกหนาทึบ บางครั้งพบเห็นเป็นแสงประหลาดในเวลากลางคืน ในรูปของเรือสำเภาสามใบเสา และกัปตันผู้ซึ่งยังแต่งกายในแบบศตวรรษเก่าใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว กรีดเสียงหัวเราะบ้าคลั่งชวนขนลุก หลายคนเริ่มมีความเชื่อว่าหายนะมักจะตามมาหากใครที่ได้เห็นเรือลำนี้   เช่น   ในปี ค.ศ.1881 คนประจำเรือของพระเจ้าจอร์จที่ 5 ได้เห็นเรือลำใหญ่ลึกลับปรากฏขึ้นทางด้านหัวเรือเมื่อเวลา 4.00น. และหลังจากนั้นไม่กี่วัน คนประจำเรือคนนั้นก็พลัดตกเสากระโดงเรือตายคาที่ ทุกวันนี้ก็ยังมีคนกล่าวอ้างอยู่เสมอว่าเห็นเรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมนยังคงรอนแรมอยู่เดียวดายกลางทะเลด้วยรูปลักษณ์อันเศร้าโศกและสยด สยองอยู่ ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ได้คำอธิบายปรากฏการณ์ฟลายอิงดัตช์แมน ว่าเป็นปรากฏการณ์ทางแสงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เป็นมิราจหรือฟาตา มอร์กานา ที่เกิดจากการหักเห และการสะท้อน ที่พบเห็นในทะเล

ขอบคุณข้อมูล?http://atcloud.com/,?http://factstasy.blogspot.com/

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2559

อุโมงค์พิพิธภัณฑ์ผีที่ปารีส





อุโมงค์พิพิธภัณฑ์ผีที่ปารีส
พูดถึงปารีสผู้อ่านคงนึกถึงหอไอเฟลเป็นอันดับแรก ช็อง เอลิเซ่ถนนสุดหรูเป็นอันดับตามมา หรือมงต์มาตร์แหล่งศิลปิน และอาจจะคิดถึงลูฟฟ์-พิพิธภัณฑ์อันลือเลื่องที่อุดมไปด้วยงานศิลปะล้ำค่า แต่ปารีสไม่ใช่มีเพียงลูฟฟ์เท่านั้นที่น่าสนใจในแง่ของการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ยังมีอีกแห่งที่ไม่ควรอย่างยิ่งในการแวะชม ที่แห่งนั้นมีชื่อว่า พิพิธภัณฑ์ผี ผู้เข้าเยียมชมจะต้องเดินลงลึกใต้ดินราว๒๐เมตร สิ่งแสดงหลักประกอบขึ้นจากกระดูกมนุษย์มากมายมหาศาลเกินจะประมาณ เลาะเลื้อยภายในอุโมงค์ใต้มหานครปารีสช่วงเขตมงต์ ปาร์นาสเซ่ อุโมงค์ผีแห่งปารีสนี้ซับซ้อนเป็นโครงข่ายเชื่อมโยงมีความยาวหลายร้อยกิโลเมตร ความเป็นมาต้องเริ่มต้นครั้งตั้งแต่พวกโรมันเข้าปกครอง การสร้างเมืองต้องการวัสถุดิบมาก จึงมีการขุดเพื่อทำเหมือง ต่อมาเมื่อเมืองขยายตัวขึ้น ส่วนที่เป็นเหมืองถูกความเจริญรุกไล่ พื้นที่ถูกถมหยาบๆด้วยเศษซากต่างๆ ไม่มีความหนาแน่น บ้านคนขยายสร้างทับถมลงนั้นเหมืองเก่าที่พรุนนั้น โดยหารู้ไม่ว่า ในศตวรรษที่18อาคารที่ถูกสร้างขึ้นบนโพรงเหล่านั้นจะถล่มลงมา
ในวันที่ 17เมษายน 1777 มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสำรวจศึกษาหาสาเหตุและแก้ไขปัญหานี้ วึ่งได้มีมติให้ปิดอุโมงค์ที่มีลักษณะที่ดูว่าอาจก่อให้เกิดอันตราย และในช่วงนั้นเองปารีสก็ประสบปัญหาที่คาดไม่ถึง เมืองเริ่มไม่มีพื้นที่สุสานเพื่อฝังศพรายใหม่ ถึงขนาดที่ว่ามีเกิดการติดสินบนนักบวชเพื่อให้ฝังศพญาติตนในพื้นที่ใกล้โบสถ์มากที่สุด และในเวลาไม่นานก็ไม่มีสถานที่ใดสามารถฝังร่างคนลงได้อีกเลย ในขณะที่บ้านคนเริ่มหนาแน่นขึ้น เกิดความคิดแก้ไขคือให้ฝังในแนวตั้ง ถมดินขึ้นในพื้นที่สุสานเดิม ระดับเนินดินในสุสานบางแห่งสูงกว่าระดับถนนถึง๑๐เมตร บางแห่งกำแพงรับน้ำหนักเนื้อดินที่ดันไม่ไหวต้องพังลง กลิ่นไม่พึงประสงค์รบกวนผู้คน ผู้คนเริ่มวิตกจริต ส่งผลในเวลาต่อมาให้เกิดการล้างป่าช้าทุกมุมในเมืองปารีส นำเอาซากร่างที่เหลือเพียงโครงกระดูกลงไปเก็บไว้ยังอุโมงค์ใต้ดิน และในปี 1785 โยงใยใต้มหานครก็เต็มไปด้วยโครงกระดูก
แม้จะมีความเชื่อกันโดยทั่วว่า การรบกวนคนตายเป็นเรื่องต้องห้าม จำเป็นต้องเคารพความเงียบสงบในชีวิตหลังการตาย ด้วยความเชื่อนี้จึงเกิดการก่อตั้งสำนักงานดูแลสุสานใต้ดินนี้ขึ้นในเขตพื้นที่ “ดี-อาร์ เมโทร” จัดตั้งในรูปของพิพิธภัณฑ์ นอกจากจะคอยดูแลกระดูกแล้ว ยังคอยให้ความรู้แก่คนทั่วไปด้วยว่าเหตุใดจึงมีการรวบรวมซากมหาศาลมาไว้ที่นั้น อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เที่ยวชม โดยจ่ายค่าเข้าชมเพียง5ยูโร ทางเดินอุโมงค์กว้างเพียง๖ถึง๘ฟุต ลงผ่านบันไดเวียน 130 ขั้นเพื่อลงยังเบื้องล่างใต้ผิวถนน๒๐เมตร เมื่อสิ้นสุดที่บันไดขั้นสุดท้ายจะพบห้องสองห้องที่มีภาพเขียนโบราณ และแสดงบอกถึงส่วนต่างๆภายในพิพิธภัณฑ์ผี และพอเมื่อออกจากส่วนนี้ก็จะเข้าสู่เขตสุสานอันแท้จริง
อุโมงค์ภายในบางจุดสูงเพียง๖ฟุต แต่บางจุดสูงถึง๑๒ฟุต และบางจุดเพดานจะสูงเทียมวิหารทั่วไป ผนังอุโมงค์เป็นหินปูนสีน้ำตาล เฉียบเย็นเมื่อสัมผัส พื้นทางเดินปูหินกรวดละเอียด ส่งเสียงดังสวบสาบเมื่อเท้าก้าวย่ำ หยดน้ำหยดที่มุมไหนซักแห่งสะท้อนก้องวังเวง ผนังยังมีภาพสลักเป็นระยะๆ สลับกับภาพกราฟฟริตี้ดูหม่นเศร้า และไม่ว่าเราจะเลี้ยวซ้ายหรือขวา ทุกการหักเลี้ยวจะทำมุมเก้าสิบองศาเสมอ
เมื่อเดินไปซักระยะหนึ่ง จะพบประตูแคบๆที่มีการเขียนรูปเสาขนาบไว้ เหนือบานประตูนั้นมีข้อความว่า “ที่แห่งนี้คืออาณาจักรมรณะ” แสงสว่างภายในน้อยมาก ฉะนั้นจะเห็นว่าอะไรเป็นอะไรก็ต่อเมื่อเดินผ่านไปใกล้ๆเท่านั้น
ตรงช่องทางเดินเข้าคับแคบนั้นอุดมไปด้วยกะโหลกศีรษะและชิ้นส่วนกระดูกส่วนต่างๆ กะโหลกส่วนหนึ่งถูกจัดเรียงกองสูง 4 ฟุต ดูราวกับมีสายตานับคณาจ้องมาให้หวาดหวั่น แม้จะรู้ว่าไม่มีอะไร ก็ยังชวนสยองขวัญได้พอควร
ในส่วนอื่นๆของอุโมงค์ โครงกระดูกถูกจัดวางเรียงเป็นรูปแบบต่างๆ รูปกางเขน รูปหัวใจ วางโค้งสวยงาม และในลวดลายอื่นๆอีกมากในแบบรูปสมมาตร ลักษณะการเรียงส่วนใหญ่นั้นยากจะเข้าใจว่าเป็นรูปอะไร แต่ก็น่ากลัวจับใจ บางช่วงตอนกระดูกถุกประกอบเป็นโครง จัดวางนั่งนิ่งสวมใส่เสื้อผ้า แลคล้ายคนนั่งปลดปลงชีวิต
ในพื้นที่เปิดแสดงจะมีป้ายระบุชัดว่ามีแหล่งที่มาจากสุสานใดในปารีส วันเวลาที่นำเข้ามาจัดเก็บ เริ่มต้นเมื่อปี1785 จนมาสิ้นสุดเอาเมื่อปี1859 และเมื่อลองสมมติว่า คนที่นำกระดูกเหล่านี้มาเรียงร้อยจะรู้สึกเช่นไร กับการหยิบจับชิ้นส่วนนับล้านชิ้น ทางเดินชมของสุสานใต้ดินแห่งนี้ ตามแยกย่อยเล็กน้อยจะถูกไม่ตีขวางไว้เพื่อกันไม่ให้เดินเข้าเยี่ยมชมล่วงล้ำ และเป็นการกันหลงทาง ความยาว๑.๗กิดลเมตรนี้คือส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เท่านั้น ในส่วนอื่นที่กันไว้ไม่ได้จัดแสดง กะโหลกและโครงกระดูกจะถูกโยนกองสุมไร้ระเบียบ
อุโมงค์เก็บรักษาโครงกระดูกนี้ ภายใต้โยงใยที่ทอดยาวซับซ้อนใต้ปารีส จะเห็นร่องรอยของประวัติศาสตร์มากมายเต็มไปหมด เช่น ช่วงตอนของการปฎิวัติฝรั่งเศส สงครามโลกครั้งที่๒ และบางจุดจะพบสถาปัตยกรรมแบบที่หาดูไม่ได้แล้วในปัจจุบัน ทว่าโดยรวมชาวปารีเซียงพึงใจที่เรียกชื่อมันว่าพิพิธภัณฑ์ผีมากกว่าชื่ออื่นใด
สำหรับเรื่องผีดุหรืออาถรรพ์นั้น เจ้าหน้าที่เล่าว่า มีบางคนที่ลงไปเที่ยวชมมาบอกต่อให้ฟังอีกทอดหนึ่ง ว่าได้ยินเสียงคนพูดคุยกันและเห็นบางอย่างอย่างเคลื่อนไหว อาจเป็นไปได้ว่า เนื่องจากในอุโมงค์มีแสงจำกัด เมื่อมีคนเดินผ่านก่อให้เกิดการบดบัง แสงที่ตกถึงกระดูกจึงวูบวาบแลดูคล้ายมีคนเคลื่อนไหว นอกจากนั้น เสียงน้ำหยดด้านในส่งเสียงสะท้อนทอดตามทางเดินยาว รวมทั้งเสียงผีเท้าที่บดบนกรวดละเอียดก็ทำให้บรรยากาศดูหลอน ๆ ได้เช่นกัน
สิ่งที่ควรคำนึงสำหรับผู้เข้าเยี่ยมชม ทั้งหมดที่พบในนั้นคือชิ้นส่วนของมนุษย์ผู้ครั้งหนึ่งเคยมีลมหายใจราวหกล้านคน พวกเขาได้ยอมเสียสละที่พักนิรันดร์ด้านบนเพื่อเปิดพื้นที่ให้ความศิวิไลซ์ของมหานครปารีส กระดูกเบื้องล่างอุโมงค์ไม่มีชั้นวรรณะ แม้ว่าครั้งหนึ่งซากหนึ่งอาจเป็นขุนนางและอีกซากอาจเป็นไพร่ ทว่าปัจจุบันนั้นกองเกยกันอย่างไม่รังเกียจรังงอน กระดูกลูกหลานทับถมบนกระดูกของบรรพบุรุษ รุ่นต่อรุ่นกว่า๓๐รุ่น การเที่ยวชมอย่างสงบถือเป็นการเคารพและให้เกียรติที่ผู้เข้าชมต้องพึงกระทำ
ไม่แน่ ขณะที่ท่านเดินชมด้วยความเงียบงัน ทางเดินคับแคบที่ทอดยาวนั้นอาจมีเสียงพวกเขากระซิบกระซาบขอบคุณแว่วมาก็เป็นได้